ลายแทงสำหรับ “สายหวาน” มาเสิร์ฟถึงมือคุณแล้ววว
** ก่อนที่จะไปตะลุยทริปนี้ เราอยากให้คุณยกหูโทรหาชาวแก๊งค์ของคุณก่อน เมื่อทุกคน
พร้อมแล้วก็ไปลุยกันนน~
ขอกระซิบนิดนึงนะว่า มาที่นี่โดย BTS สะดวกกว่าเยอะ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอด หรือการ
โดนล็อคล้อรถใดใด…ทั้งสิ้น
ครั้งนี้เราพากันมาตะลุยคาเฟ่ ย่านอารีย์ ซึ่งเป็นแหล่งที่เลื่องลือกันว่า ʼมีคาเฟ่ʼ เยอะมากกกก!
เยอะชนิดที่ว่าเดินจากร้านแรกไม่ถึง 10 ก้าว ก็เจออีกร้านนึงแล้วอะ โอ้ ก้อดดดดด 😱
อะ ไม่พูดพร่ำทำเพลง เริ่มเดินทางกันเลยดีกว่า..
ออกจาก BTS แล้วก็เดินเข้าไปในซอยอารีย์เลย
เดินแค่แปปเดียวยังไม่ทันได้เหงื่อ คุณก็จะเห็นคอนโด Noble แท่งใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือ
นั่นแหละ… ร้านแรกที่เรากำลังจะไปตั้งอยู่ใต้คอนโดแห่งนี้
ชื่อร้านว่า “Casa Lapin”

พอเข้าไปก็จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศในร้าน ที่ดูเป็นกันเอง ซึ่งมันดูอบอุ่นดีนะ

เข้ามาถึงหน้าเคาน์เตอร์ละ สั่งไรดีนะ?… ดูชื่อเมนูจากแผ่นนั้น แผ่นนี้ แผ่นโน้น แล้วก็ไปสะดุด ตากับเมนูพิเศษของร้าน
ซึ่งร้านแห่งนี้จะมีเมนูพิเศษมานำเสนอตามฤดูกาล โดยฤดูนี้ที่เรามาเยือนนั้น(หน้าฝน) เป็นเมนู “OVER THE CLOUD”

มองแก้วนี้แล้วรู้สึกเหมือนโดนสะกดจิต อาจจะเพราะสีสันของมันช่างเย้ายวนน่าค้นหา ว่า
รสชาติมันจะออกมาเป็นแบบไหน จะจี๊ดจ๊าดเหมือนหน้าตาหรือไม่?
ซึ่งวิธีดื่มมันก็ไม่ยากนะ แค่นำกาแฟช็อตที่เสิร์ฟมาคู่กันเทลงไปในแก้วทรงทิวลิปที่มีของเหลวสี สวยรออยู่ มันให้ความรู้สึกถึงอารมณ์ของศิลปินที่สร้างงานศิลปะเหมือนกันนะ กาแฟที่เราเทลงไป มันจะไหลผ่านลิ้นจี่สดที่เป็นท็อปปิ้งอยู่ด้านบน ผ่านน้ำแข็งก่อนจะซึมลงไปสู่ ก้นแก้ว ความหอมเข้มของกาแฟผสมกับความหอมนุ่มของชาผลไม้ มันช่างเป็นอะไรที่ลงตัว…

หลังจากที่ชื่นชมชั้นเลเยอร์หลังเทกาแฟลงไปแล้วนั้น.. คุณก็สามารถเสพงานศิลป์ที่คุณสร้างมัน ขึ้นมาด้วยตัวเองได้ในทันที
เอ้า! อย่าลืมให้กล้องดื่มก่อนหล่ะ จะถ่ายรูปเล่น วิจารณ์งานศิลป์กับเพื่อนฝูง หรือเช็คอินให้คน อื่นได้รับรู้ถึงความสุขสนุกในการใช้ชีวิตของคุณด้วยก็ได้นะ
อะ… แล้วก็อย่าลืมของทิ้งไว้ที่ร้านหล่ะ มากินแล้วจ่ายเงินก็พอ ไม่ต้องไปแถมอะไรให้พี่เขานะ ฮ่าๆๆ
เอาล่ะ เสร็จจากร้านนี้แล้ว งั้นเราไปเดินลุยเสพความหวานของร้านอื่นๆกันต่อเถอะ… ไปพวก ลุกจ้าลุก ไปกันต่อเลยยย~
ร้านที่เราจะไปต่อก็ไม่ได้ไกลมากนัก แค่คุณก้าวขาเดินข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามละหันไปทางซ้าย มือ เดินต่อไปเล็กน้อย คุณก็จะเห็นร้านที่มีแค่กระจกใสบางๆที่กั้นตรงกลางเท่านั้น~ (ไม่ ห้ามหน่อยหรอ ถ้าร้องอีกนิดจบท่อนละนะ ฮ่าๆ) อะ.. ร้านนั้นแหละ ที่เป็นกระจกๆ มีป้ายอยู่หน้า ร้าน จบ!
ชื่อว่าร้าน “1ดี”

เปิดประตูเข้าร้านไปเท่านั้นแหละ ความเป็นไทยก็คือพุ่งเข้ามาปะทะหน้าคุณเลย ฮ่าๆ ฟิลลิ่งก็คือ เอ๊ะ ต้องไปหาชุดไทยมาใส่มั้ยหล่ะ? จะได้เข้ากับบรรยากาศ แต่ก็ดีนะมีเพื่อนห้าม มันเลยไม่ เตลิด //ดีดนิ้ว กลับมาๆ เราต้องมูฟออนกันต่อนะ อย่าเพิ่งจมกับสิ่งที่เพ้อเมื่อกี้ ฮ่าๆ
ที่นี่มีเมนูในเลือกเยอะนะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็น ขนมไทยกับไอศครีม เมนูน้ำก็มีหลากหลาย ไอศ ครีมก็มีเยอะจนละลานตา
แต่ที่เราเลือกมาสำหรับวันนี้ก็คือ “ขนมปลากริมไข่เต่า x ไอศครีมคาราเมลโตนด”

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ปลากริมไข่เต่านั้นจะมี 2 รส คือเค็มกับหวาน ซึ่งในความคิดเราก็คือ เห้ย! ถ้ามันรวมกันมันจะหวานไปไหมนะ? มันจะไม่เลี่ยนหรอ? มันจะอร่…… อะไม่ต้องคิดอะไรเยอะ ในเมื่อเขานำมาเสิร์ฟแล้ว เราก็ชิมเลยดิรออะไร นี่ไงมัวแต่พูด เพื่อนซัดไปแล้ว 3-4 คำ ขอไป กินแปป เดี๋ยวตามไม่ทัน 😛

เออ…. อร่อยหว่ะ.. รสชาติของปลากริมไข่เต่าคือไม่หวานเกินไม่เค็มไป มีความนุ่มและหอมกะทิ ซึ่งเข้ากันได้ดีกับไอศครีมน้ำตาลโตนดที่หวาน มัน หอมในตัวเอง คือแบบลงตัวนะเป็นส่วนผสม ที่ดีอะ ไม่เคยคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเข้ากันได้
มัวแต่ชื่นชมปลากริมไข่เต่า จนลืมบอกว่าสั่งน้ำมาด้วย เมนูน้ำที่สั่งมาก็คือ “ส้มจี๊ดโซดาโฟล์ท”

ดื่มแล้วสดชื่น ตื่นแน่นอน! เพราะรสชาติมันคือ เปรี้ยวนำ ก็ดูชื่อซะก่อนมันจะไม่เปรี้ยวได้ไง จัดจ้านในย่านอารีย์ไปเลยฮับแก้วนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า

นั่งกิน นั่งคุย นั่งเล่น จนหมดแก้วหมดจานไปตอนไหนก็ไม่รู้ ก็เหลือบไปเห็นว่าลูกค้าร้านเขาก็ ค่อนข้างเยอะ เราก็เกรงใจเขา เลยตัดสินใจเดินออกจากร้านมา เพราะจะได้แบ่งให้คนอื่นเขาได้ ชิม ได้สัมผัสความอร่อยของขนมร้านนี้บ้าง แต่เดินออกมาแล้วก็ไม่รู้จะไปไหน เพราะกินไปแล้ว ทั้ง กาแฟ ทั้งขนม เราก็เลยออกตัวเสนอเพื่อนไปว่า ไปกินชาร้อนไหม? แบบว่า อุ่นๆ ชุ่มคอ หน่อย เพื่อนตัวดีก็ไม่รอช้า ตอบแบบไม่ต้องคิด ไปก็ไป อะไปปปปป!
เดินออกจากร้านแล้วเลี้ยวขวาไปไม่ไกล จะเห็นทางเข้าไปในอารีย์ซอย 1 เดินเข้ามาในซอยคุณ
ก็จะพบกับกำแพงสีน้ำเงินเด่นๆเลย แบบ.. เด่นมากสะดุดตาสุดๆ
มันก็คือที่ตั้งของร้าน “เวฬาฌา” นั่นเอง

แค่ชื่อร้านว่าเก๋แล้ว ภายในร้านมีความเก๋กว่าด้วยการตกแต่งร้านแบบไทยผสมกับจีนหน่อยๆ.. ซึ่งถ้าคุณอยากทานชาร้อน มาร้านนี้คุณไม่ผิดหวังแน่นอน!

แต่คือไม่ใช่ว่าคุณจะเดินไปสั่งเปล่าๆว่าเอาชาร้อน 1 กา แล้วเขาจะทำเอามาเสิร์ฟเลยนะ เพราะคุณสามารถเลือกชนิดของชาได้ โดยพี่พนักงานจะนำใบชาหลากหลายชนิดมาให้คุณดม เลย ว่าคุณอยากดื่มหรือเป็นมิตรกับกลิ่นชาแบบไหน หอมแบบไหน
อะ เราก็ลุยดมกันไป แล้วก็ตกลงกันแล้วว่า จะเลือก “Smooth Peach” เพราะว่าความหอมของ พีชมันอบอวลค้างอยู่ในจมูก คือถ้าเอามาชงเป็นชาดื่มมันต้องสดชื่น ชุ่มคอ หอมละมุนแน่นอน ก็เลยบอกพี่เขาไปว่าจัด มา 1 ชุดเลยฮับ
นั่งรอชาไปก็ถ่ายรูปเล่นไปพลางๆ ดนตรีคลอเบาๆพอให้ได้รู้สึกอารมณ์เคลิ้มตามแบบมีส่วน ร่วมกับเพลง
พี่พนักงานนำชามาเสิร์ฟแล้ว เย่~


พี่เขาเล่าให้ฟังว่าต้องต้มชาไว้ก่อนนะ 3 นาที ค่อยเทดื่ม มันจะพอดีในรสชาติ (มีนาฬิกาทราย จับเวลามาให้) อะถือว่าใส่ใจผู้บริโภคสุดๆ
อ้อออ อีกอย่างก็คือว่าเติมน้ำร้อนใส่กาฟรี 1 ครั้งนะ ส่วนครั้งถัดไปก็ 49 บาท/กา นะจ้ะ แก้วพี่ เขาจะให้มา 2 ใบนะ แต่ถ้ามากับชาวแก๊งค์ก็สามารถไปขอแก้วเพิ่มได้นะ จากนั้นก็เทใส่แก้ว แบ่งกันดื่มได้เลย

จิบชาไป ถ่ายรูปเล่น คุยกับเพื่อนไปเรื่อยๆ พอพลิกข้อมือมาดูเวลา ก็เพิ่งรู้ว่าเราได้เผลอนั่งอยู่
ร้านนี้มาร่วมชั่วโมงแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องย้ายก้นไปอีกร้านแล้วหล่ะ.. ออกจากร้านนี้แล้วเลี้ยวขวาไปอีกหน่อยละกันเผื่อเจออะไรเด็ดๆ ซ่อนอยู่ แม่นแล้วไปโล้ดดดด~
เป็นไปตามคาด เจอจริงๆด้วย! พอเห็นหน้าร้านแล้วถึงกับต้องร้อง Letʼs Kill this loveeeee.. ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าาา ก็ร้านมันตกแต่งด้วยสีดำ-ชมพู อะเลยร้องสักหน่อย
และนี่ก็คือร้าน “OH MY GOODNESS” นั่นเอง


จุดเด่นของร้านนี้คือมีแคลฯต่ำกว่าปกติมากกว่า 50% ทุกเมนูเลยนะ
เมนูที่เราสั่งก็คือ “CoCoa”

“โกโก้ที่ขม คือโกโก้ที่ใฝ่ฝัน…”
ส่วนใครไม่ได้ชอบความขม(เบอร์นี้) ก็สามารถเติมไซรัปได้นะพี่ที่ร้านกระซิบมา
ถ้าพูดถึงโกโก้เข้มข้นแล้วหล่ะก็ มีอีกร้านนึงนะที่อยู่ใกล้ๆเลย นั่นคือร้าน “FRANK cake bar”
ใจคิดแค่ว่าเดี๋ยวเสร็จจากที่นี่จะเดินไป แต่พอรู้ตัวอีกทีขาก้าวมาถึงหน้าร้านตอนไหนก็ไม่รู้ ฮ่าๆ ๆ

พอจับเมนูยกขึ้นอ่านเท่านั้นแหละ ก็จิ้มไปที่เมนูนี้โดยที่ไม่ต้องคิดอะไรเลย ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน
เมนูที่เลือกไปก็มีชื่อว่า “MILITARY”

ซึ่งเมนูนี้ มีทั้งชาเขียว ทั้งโกโก้ เมื่อความเข้มข้นของทั้ง 2 มาเจอกัน ตู้มมมมมม!!! เกิดเป็น ความอร่อยที่ลงตัว
รสชาติชาเขียวที่เข้มข้นหอมมันนุ่มละมุนลิ้น รวมไปกับโกโก้ที่มีความขมและหวานเจือด้วยเล็ก น้อย สุขกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
เอาหล่ะ ถึงเวลาที่เราต้องไปร้านสุดท้ายแล้วนะ ก่อนที่ฝนจะตกลงมาแล้วทริปเราจะมันส์ไปกว่านี้ ฮ่าๆ
แต่คงไม่มีใครอยากเปียกปอนในวันที่ออกมาเที่ยวหรอกเชื่อสิ…
มาถึงแล้ว ร้านนี้มีชื่อว่า “Coffee no.9”

หน้าร้านมีความคล้ายหน้าต่างบ้านแบบญี่ปุ่นเบาๆ ฟิลเหมือนมีคนชงกาแฟให้จากครัวในบ้าน มาสู่มือเรา แบบว่าให้อารมณ์อบอุ่นดีนะ
เมนูที่ร้านก็มีให้เลือกสรรหลากหลายนะ มันเลือกยากเหมือนกัน อันนี้ก็อยากอันนั้นก็อยาก คล้ายๆกับการยืนเลือกของในร้านสะดวกซื้ออะ ฮ่าๆ


เผอิญกวาดสายตาหันไปเห็นเมนูบนกำแพง ไปสะดุดกับคำว่า “Seasonal Drinks” เอาหล่ะ ไม่ ต้องเลือกนานเลย เหมือนมีคนมาเป่าหูว่า “ต้องอันนี้แหละ เมนูที่คู่ควรกับเจ้า เจ้าเลือกมันซะ ฮ่าๆๆ” อะนั่นแหละ จากนั้นก็พุ่งตัวไปบอกเขาเลยว่าเอา “Peach Cold Brew” แก้วนึงจ้าาาา

พอได้เมนูนี้มาก็คือขอถ่ายรูปก่อนเลยก่อนจะกิน ซึ่งพอปล่อยให้มันไหลลงคอเข้าไป ก็ได้กลิ่นพีช ลอยมาเลย รสและกลิ่นของกาแฟอาจจะบางไปนิดนึง แต่โดยรวมแล้วถ้าใครชอบดื่มกาแฟแล้ว ชอบพีชด้วย กาแฟแก้วนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการหากาแฟพีชดื่มในย่านนี้…
.
.
.
ลองแหงนหน้าขึ้นฟ้า.. อ่าาาา ฟ้าเริ่มมืด ฝนก็ทำท่าจะตกซะแล้วหล่ะสิ แต่ก็นะนี่มันร้านสุดท้าย แล้วนี่หน่า มันก็เป็นไปตามที่คาดไว้นั่นแหละ มองไปหาเพื่อนๆก็คือตาสว่างกันไปหมด ไม่ใช่ ตกใจที่ฝนจะตกนะ แต่ตาสว่างเพราะว่ากินกาแฟไปหลายแก้ว ฮ่าฮ่าฮ่า
แต่ทุกคนก็คือยังไม่อยากแยกย้ายแหละ ยังอยากอยู่คุยกันอยู่ งั้น… ไปเราไปหาที่นั่งคุยกันต่อ เถอะ ก่อนที่จะเปียกเป็นลูกหมีตกน้ำ ฮ่าๆ
งั้นเราขอจบทริปอารีย์ไว้ตรงนี้เลยละกันนะ ไว้รอบหน้าเราจะมาเขียนทริปอื่นๆให้อ่านกันอีกนะ
😁
.
.
โชคดีมีชัย โชคชัยมีวัว อย่าลืมระวังตัว เพราะทริปหน้าเราจะพาไปเดินเล่นอีก.. อิอิ
#อัศวินเจอนี่ #อัศวินสายแดก
🦇 🐼 #สายแดกแห่งรัตติกาล
รับรองความหวานเจี๊ยบ
……🐻 ……
– อัศวินสายแดก –